โครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภท จำลองทฤษฎี
นางสาวฉัตรชนก
คงมั่น และคณะ. 2560. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของดินในท้องถิ่นบ้าน
หนองคูพัฒนาที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร.
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
5/1
โครงการห้องเรียนพิเศษเน้นวิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ (SME) โรงเรียนสำโรง
ทาบวิทยาคม.
ครูที่ปรึกษาโครงงาน
นางดวงตา
บุติมาลย์
บทคัดย่อ
โครงงานวิทยาศาสตร์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
เปรียบเทียบประสิทธิภาพของดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนาที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร
โดยกำหนดตัวแปรดังนี้ ชนิดของดินในท้องถิ่นเป็นตัวแปรต้น และการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรเป็นตัวแปรตาม
คณะผู้จัดทำได้ปลูกต้นกระบองเพชรด้วยดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา
จากบริเวณหนองน้ำ ทุ่งนา สวนในบ้าน และดินที่ใช้เพาะปลูกทั่วไป
โดยนำต้นกระบองเพชรลงปลูกในดินทั้ง 4
ชนิดแล้วตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดที่เหมาะสม
และสังเกตการณ์เจริญเติบโตพร้อมรดน้ำ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง รวมเป็นระยะเวลา
1 เดือน 3 สัปดาห์
สังเกตและบันทึกผลการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร โดยดูจากลักษณะของหนาม
และลักษณะของราก ตามชนิดของดินที่นำมาเพาะปลูก
ผลการศึกษา
ต้นกระบองเพชรใบที่ 1 และใบที่ 2 ที่ปลูกในดินบริเวณหนองน้ำและทุ่งนาตามลำดับ
ไม่มีการเจริญเติบโตโดยดูจากลักษณะหนามที่ไม่มีตะขอหนามโค้งงอ
มีหนามที่สั้นลงจากเดิม รากของต้นที่สั้นมากกว่าเดิมและเหี่ยวเฉา
เนื่องจากสาเหตุคือ ดินไม่อุ้มน้ำเมื่อทิ้งไว้นานความชื้นจะหาย
เนื้อดินหยาบและแข็งมาก ส่วนต้นกระบองเพชรใบที่ 3 และ ใบที่ 4
ที่ปลูกในดินบริเวณสวนในบ้านและดินที่ใช้เพาะปลูกทั่วไปตามลำดับ
มีการเจริญเติบโตโดยดูจากลักษณะหนามที่มีตะขอหนามโค้งงอเพิ่มขึ้นจากเดิม
หนามที่ยาวขึ้น รากของต้นยาวและไม่เหี่ยวเฉา
เมื่อเราสังเกตการเจริญเติบโตจากดินทั้งสองประเภทคือ ดินต้นแบบกับดินในท้องถิ่น
มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งดินต้นแบบมีการเจริญเติบโตของรากและการเจริญเติบโตของหนามตะขอซึ่งมีลักษณะโค้งงอคล้ายตะขอซึ่งเปรียบเทียบกับต้นกระบองเพชรที่ปลูกด้วยดินในท้องถิ่น
ก็สามารถเจริญเติบโตได้ดี ดินมีการอุ้มนำและรักษาความชื้นของดินอย่างเหมาะสม
ทำให้ต้นกระบองเพชรเจริญเติบโตได้ดีในดินบริเวณท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา
ซึ่งดินที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรมากที่สุดคือ
ดินจากบริเวณสวนในบ้าน ที่มีลักษณะเนื้อดินนุ่ม ละเอียด รักษาความชื้น
และดินอุ้มน้ำ อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรคือ
การดูแลรักษา ที่แสงต้องเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
ปริมาณน้ำที่รดต้องเหมาะสมตามความลักษณะและชนิดของพืช
ดินที่ใช้ในการปลูกต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกับพืช มีความชื้นอย่างเหมาะสม
และดูแลต้นกระบองเพชรไม่ให้เหี่ยวเฉาและตาย
ที่มาและความสำคัญ
จุดเริ่มต้นในเรื่องราวของธรรมชาติได้สรรค์สร้างความน่าอัศจรรย์
ทั้งพืชพรรณที่งอกงาม ดอกที่ไม้เบ่งบาน
ทำให้รับรู้ถึงความงามที่น่าค้นหาของพืชชนิดหนึ่ง
ซึ่งมีความแตกต่างจากพืชชนิดอื่นๆ คือ ต้นกระบองเพชร ในปัจจุบันต้นกระบองเพชรเป็นพืชที่ได้รับความนิยมและนำมาปลูกกันมาก ลักษณะเฉพาะอันโดดเด่น
ที่นอกจากความสวยงามแล้วยังสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตัวเอง
เพื่อให้เหมาะสมกับการอยู่รอด ซึ่งต้นกระบองเพชรสามารถพบได้ตั้งแต่เขตอบอุ่น
กึ่งเขตร้อน ไปจนถึงเขตร้อน เป็นพืชที่ดำรงชีวิตและยืนหยัดอยู่ในที่ทุรกันดารได้ มีการสะสมน้ำไว้ในส่วนของต้น
รากและใบ กระบองเพชรเป็นพืชที่มีมากมายหลายสายพันธุ์ มีรูปร่างสวยงามและหลากหลาย
เลี้ยงง่าย ทนต่อทุกสภาพแวดล้อม เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของต้นกระบองเพชร พบว่า
ในส่วนใบจะมีการลดรูปใบเปลี่ยนใบเป็นหนาม เพื่อลดการคายน้ำ พรางแสงเพื่อลดความร้อน
อีกทั้งยังใช้ป้องกันการถูกทำลายจากสัตว์ได้
นอกจากนี้แล้วดอกของต้นกระบองเพชรยังมีความงดงามน่าดึงดูด
ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะมีขนาดใหญ่ และมีลักษณะของการทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ
กลีบของดอกจากค่อยๆ บานออกจากจุดศูนย์กลางทีละชั้นๆ
โดยเผยให้เห็นเกสรอันบอบบางที่ซ่อนอยู่ภายในดอก
จะขึ้นบริเวณผิวของลำต้นที่ดูแข็งแรง หยาบ และมีหนาม
นิยมปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในอาคารและภายนอกอาคาร
ใช้กระถางทรงและขนาดต่างกันแล้วแต่ชนิดพันธุ์
การเปลี่ยนกระถางแล้วแต่ความเหมาะสมของชนิดพันธุ์และผู้ปลูก
แต่ถ้าจะให้เจริญสวยงามต้องควบคุมเรื่องปุ๋ย การรดน้ำให้ถูกวิธี
หากผู้ที่ต้องการจัดทำเป็นส่วนเพื่อประดับบ้าน ก็จะในแปลงปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน
แต่จะต้องเป็นชนิดพันธุ์ ที่ค่อนข้างใหญ่ แข็งแรง
ทำให้มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป
ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจเพราะไม่ว่ากระบองเพชรจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
อากาศแปรปรวน เจอแดด ลม หรือฝน
แรงแค่ไหนพืชชนิดนี้ก็ยังสามารถผลิตความงดงามให้แก่เราได้
ดังนั้นต้นกระบองเพชรจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความอดทนและเข้มแข็ง ด้วยเป็นพืชที่คนให้ความนิยมและชื่นชอบเป็นอย่างมาก
แต่หาเพาะปลูกได้ยากในท้องถิ่นอำเภอสำโรงทาบ และเป็นพืชที่ส่วนมากปลูกแต่ในดินทราย
ไม่ค่อยนิยมนำมาปลูกด้วยดินชนิดอื่นๆ
คณะผู้จัดทำจึงสนใจที่จะนำต้นกระบองเพชรมาทดลองปลูกด้วยดินต้นแบบที่ใช้ปลูกและดินในท้องถิ่นบ้านหนองคู
โดยนำดินจากบริเวณหนองน้ำที่มีลักษณะเนื้อดินหยาบ มีหินปนอยู่กับดิน
มีความแฉะและชื้นมาก สีน้ำตาลอ่อนนำดินบริเวณทุ่งนาที่มีลักษณะเนื้อดินละเอียด
ไม่มีหินปะปนกับดิน สีน้ำตาลปนแดง
และนำดินบริเวณสวนในบ้านที่มีลักษะเนื้อดินหยาบ สีน้ำตาลเข้ม มีความชื้นไม่มาก
เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรในแต่ละดินที่นำมา
ว่าสามารถเพาะปลูกในดินชนิดอื่นๆนอกเหนือจากดินทรายได้หรือไม่
และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ทางการเกษตรในการเพาะปลูกหรือพัฒนาพันธุ์ของต้นกระบองเพชรให้มีลักษณะพันธุ์ที่ดี
และเจริญเติบโตได้ในทุกพื้นที่
วัตถุประสงค์
-เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรระหว่างดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา
กับดินที่ใช้ปลูกต้นกระบองเพชรทั่วไป
สมมติฐาน
ดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนาทำให้ต้นกระบองเพชรเจริญเติบโตได้ดีกว่าดินต้นแบบเดิม
ความสำคัญ
กระบองเพชรเป็นพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ในทะเลทรายแต่บางชนิดอยู่ตามป่าธรรมดาหรือสภาพแวดล้อมทั่วไป
ต้นกระบองเพชรสามารถยืนต้นอยู่ได้
เป็นพืชอวบน้ำซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญของพืชในบริเวณที่มีความแห้งแล้งกันดาร
จึงมีการสะสมน้ำไว้ในส่วนของต้น รากและใบ กระบองเพชรเป็นพืชที่มีมากมายหลายสายพันธุ์
ที่มีรูปร่างสวยงามและหลากหลาย เลี้ยงง่าย ทนต่อทุกสภาพแวดล้อม
เลยทำให้ได้รับความนิยมในการตกแต่งสวน หรือปลูกใส่กระถางเล็กๆ ไว้ประดับบ้าน
มีราคาถูก ด้วยเป็นพืชที่คนให้ความนิยมอย่างมาก
แต่ก็หาเพาะปลูกได้ยากในท้องถิ่นอำเภอสำโรงทาบ คณะผู้จัดทำจึงสนใจที่จะนำต้นกระบองเพชรมาทดลองปลูกด้วยดินในท้องถิ่น
เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพืช
และเพื่อนำมาเป็นความรู้ในการขยายพันธุ์เพาะปลูกในท้องถิ่น
ขอบเขตการทำโครงงาน
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ตัวแปรต้น
ชนิดของดิน
ตัวแปรตาม
การเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร
ตัวแปรควบคุม ปริมาณดิน ปริมาณน้ำ
ชนิดของต้นกระบองเพชร อายุ ปริมาณแสง เวลา
ระยะเวลา
วันที่ 4 สิงหาคม 2560 – วันที่ 20 กันยายน 2560
สถานที่
บ้านเลขที่ 135 หมู่ 13 ตำบล หนองไล้อม อำเภอ สำโรงทาบ จังหวัด สุรินทร์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
-เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรระหว่างดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา
กับดินที่ใช้ปลูกต้นกระบองเพชรทั่วไปได้
-สามารถเพาะปลูกต้นกระบองเพชรในดินชนิดอื่นๆ
นอกเหนือจากดินทรายได้
-เป็นประโยชน์ทางการเกษตรในการเพาะปลูกหรือพัฒนาพันธุ์ของต้นกระบองเพชรให้มีลักษณะ
พันธุ์ที่ดี
และเจริญเติบโตได้ในทุกพื้นที่
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการทำโครงงานครั้งนี้
คณะผู้จัดทำได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับแนวคิด หลักการ ทฤษฎี
และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ
การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของดินในท้องถิ่นอำเภอสำโรงทาบที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร
ซึ่งคณะผู้จัดทำได้นำเสนอตามลำดับดังนี้
1.ข้อมูลเกี่ยวกับต้นกระบองเพชร
1.1 ลักษณะของต้นกระบองเพชร
1.2 ลักษณะทางนิเวศวิทยา
1.3 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1.4 ลักษณะสายพันธุ์
1.5 การปลูก
1.6 การดูแลรักษา
2.ดินในท้องถิ่น
2.1 ดินในท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์
1.ข้อมูลเกี่ยวกับต้นกระบองเพชร
1.1 ลักษณะของต้นกระบองเพชร
กระบองเพชร (Mila sp., อังกฤษ: cactus)
เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ในทะเลทราย ต้นกระบองเพชรสามารถยืนต้นอยู่ได้ แม้อยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดาร
โดยไม่ตาย เพราะนานๆ ครั้งหนึ่งจะมีฝนตกจำนวนมาก
โดยต้นกระบองเพชรจะเก็บน้ำไว้ในลำต้นเป็นจำนวนมาก มันจะใช้น้ำตลอดระยะเวลาแห้งแล้งที่ยาวนาน
และมันจะเปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำ
ดังนั้นมันจึงสามารถอยู่ในทะเลทรายได้สรรพคุณทางสมุนไพรของกระบองเพชร สามารถใช้บรรเทาโรคบิดได้
สารสกัดกระบองเพชรช่วยลดอาการเมาค้าง
1.2 ลักษณะทางนิเวศวิทยา
มีหลายชนิดที่อยู่ในทะเลทราย
แต่บางชนิดอยู่ตามป่าธรรมดาหรือสภาพแวดล้อมทั่วไป
กระบองเพชรส่วนใหญ่จะมีตามทะเลทรายมากกว่า ต้นกระบองเพชรที่
ขายทั่วไปที่จะเป็นแบบบอนไซหรือชนิดที่มีขนาดปกติ แบบทั่วไปที่มีขนาดปานกลางเท่ากับต้นจริง
กระบองเพชรจะเปลี่ยนใบเป็นหนาม เพื่อลดการคายน้ำ เป็นไม้ประดับ
1.3 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลักษณะทั่วไป
กระบองเพชรเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-12 ฟุต
ลำต้นมีสีเขียวหรือเขียวคล้ำ มีขนหรือหนามรอบต้นหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่ชนิดพันธุ์
ลักษณะต้นเป็นเหลี่ยมรูปทรงกระบอกรูปทรงกลม หรือแล้วแต่ชนิดพันธุ์
ใบคือส่วนของลำต้นที่ทำหน้าที่แทนใบ หรือบางชนิดก็มีใบแบนกลมหนาใหญ่ อาจมีดอกสีแดง
สีเหลือง หรือสีขาว ลักษณะดอกและขนาดดอกขึ้นกับชนิดพันธุ์
1.4 ลักษณะสายพันธุ์
สกุล Mammillaria แคคตัสในสกุลนี้มีมากมายกว่า
400 ชนิดและอีกหลากหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Mammillaria
มาจากภาษาละตินว่า Mammilla ( nipple ) หมายถึง
โครงสร้างที่เป็นเนินหนามขนาดเล็กของพืช
ชื่อสกุลนี้ตั้งโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ E.H. Haworth แคคตัสในสกุลนี้มีรูปทรงแตกต่างกันออกไปมากมาย
มีทั้งที่เป็นทรงกลมแป้นและทรงกระบอก อาจจะขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่ม
ในแต่ละกลุ่มก็จะประกอบด้วยหัวที่มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันออกไป ใน 1 หัวจะประกอบไปด้วยเนินหนาม
ซึ่งระหว่างรอยต่อของเนินหนามมักจะมีขนปกคลุมอยู่ หนามก็มีหลายสี หลายขนาด ลักษณะเป็นขนแข็งหรือตะขอ
ดอกมีลักษณะเป็นทรงระฆังหรือทรงกรวย มีขนาดเล็ก ผลิตเป็นวงตรงยอดต้น
และมักจะมีท่อดอกสั้น ยกเว้นเพียงไม่กี่ชนิดที่จะมีท่อดอกขนาดยาว เช่น Mammillaria
saboae fa. Haudenan ส่วนผลมีขนาดค่อนข้างเล็กเป็นรูปไข่ยื่นยาวและเรียวเล็กผิวเกลี้ยงเรียบ
มีหลายสี เช่น สีเขียว สีชมพู หรือสีแดงเมื่อแก่เต็มที่แล้ว แคคตัสสกุล Mammillaria
มีถิ่นกำเนิดอยุ่ในประเทศเม็กซิโกแต่บางชนิดก็อาจจะพบได้ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา
แถบตะวันตกของหมู่เกราะเวสต์อินดีส และแถบอเมริกาใต้ แคคตัสในสกุลนี้สามารถปลูกเลี้ยงและออกดอกได้ง่ายในดินที่มีการะบายน้ำดี
ส่วนชนิดที่มีหนามมาหนาแน่นมากจะต้องการร่มเงาบ้างเล็กน้อย
1.5 การปลูก
การปลูกแบ่งเป็น 2 วิธี
1.การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในอาคารและภายนอกอาคาร
ใช้กระถางทรงและขนาดต่างกันแล้วแต่ชนิดพันธุ์ คือตั้งแต่ขนาด 4-10 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก: ทรายหรือดินร่วน อัตรา 1:1 ผสมดินปลูก การเปลี่ยนกระถางแล้วแต่ความเหมาะสมของชนิดพันธุ์และผู้ปลูก
แต่ถ้าจะให้เจริญสวยงามต้องควบคุมเรื่องปุ๋ย และน้ำให้ถูกวิธี
2.การปลูกในแปลงปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน แต่จะต้องเป็นชนิดพันธุ์
ที่ค่อนข้างใหญ่ แข็งแรง ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร
ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก: ดินร่วน อัตรา 1:3 ผสมดินปลูก
1.6 การดูแลรักษา
แสง : ต้องการแสงแดดน้อยในร่ม
จนถึงแสงแดดจัดกลางแจ้ง
น้ำ : ต้องการปริมาณน้ำน้อย
ทนต่อความแห้งแล้งให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง
หรือแล้วแต่ความ
เหมาะสม
ดิน : ดินร่วนปนทราย
ความชื้นปานกลาง
ปุ๋ย : ควรใส่ปุ๋ยคอก
หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปีละ 5-6 ครั้ง
การขยายพันธุ์ : การใช้เมล็ด
และการปักชำ การปักชำเป็นวิธีที่นิยมและได้ผลดี
ศัตรูพืช : ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูพืช
เพราะเป็นไม้ที่มีความทนทานต่อการทำลาย
โรค : โรครากเน่า (Sclerotium
root rot)
อาการ : ลำต้นเหี่ยว
และแคระแกร็น
การป้องกัน : ควบคุมการให้น้ำ
และความชื้นอย่างเหมาะสม
การรักษา : ตัดส่วนที่เป็นโรคทิ้งหรือปลูกใหม่
2.ดินในท้องถิ่น
2.1 ดินในท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์
ดินร่วนปนทรายหรือดินทรายเป็นดินที่มีอินทรียวัตถุน้อย ธาตุอาหารต่างๆ
แทบจะไม่มีเลย ทำให้ต้องใช้ปุ๋ยในปริมาณมาก ดินไม่อุ้มน้ำอุ้มปุ๋ย ใช้แล้วหมดไป
ไม่สะสม ไม่ตรึงปุ๋ยหรือธาตุอาหาร แม้หน้าฝนจะถ่ายเทน้ำได้ดีแต่หน้าแล้งสภาพดินก็กลับมาแน่นแข็งเหมือนเดิม
สภาพดินดังกล่าวทำให้ต้องสิ้นเปลืองต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะปุ๋ยเป็นจำนวนมาก
เมื่อพบว่าดินเพาะปลูกมีสภาพปัญหาดังกล่าวข้างต้นควรปรับปรุงสภาพดินโดยการหว่านปุ๋ยอินทรีย์หรือปลูกพืชตระกูลถั่ว
ปอเทือง โสน ฯลฯ แล้วไถพรวนกลบเพิ่มอินทรียวัตถุ จากนั้นทำการปรับสภาพดิน เป็นที่ทราบกันว่าหินทรายเป็นแหล่งกำเนิดของดินทราย
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีหินฐานที่รองรับเป็นหินทรายและผุผังสลายให้เนื้อดินเป็นดินทราย
ส่งผลทำให้ดินโดยทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นดินทรายชนิดต่างๆ
ดินทรายที่เกิดจากหินทรายจะมีสมบัติไม่เหมือนกับดินทรายที่เกิดจากหินแกรนิต
ที่เห็นเด่นชัดคือความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารพืช
ซึ่งดินทรายภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นจะไม่มีธาตุอาหารหลักของพืชเลย
แม้แต่ธาตุอาหารรองก็ยังหายาก จะมีก็แต่ซิลิกา (Si) อย่างเดียว
ทั้งนี้เพราะแร่ที่ประกอบเป็นหินทรายส่วนใหญ่เป็นควอตซ์ และถ้าดินนั้นเกิดจากแร่ควอตซ์เพียงอย่างเดียว
ดินบริเวณนั้นก็จะจืด ขาดธาตุอาหาร
เป็นดินที่มีปัญหาประเภทของหนึ่งของประเทศไทยอยู่ขณะนี้
ดินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นดินทราย ดินทรายร่วน
ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 95 ของพื้นที่ทั้งภาค ดังนี้จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้และหาวิธีการปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
เพราะว่าหลังจากหินทรายผุสลายเป็นดินแล้ว อนุภาพทรายหยาบทรายละเอียดต่างๆ จะถูกเกลี่ยโดยน้ำไหลบ่าหน้าดินได้ง่ายทำให้อนุภาคดินที่ละเอียดและธาตุอาหารในดินต่างๆ ถูกชะล้างและพัดพาออกไปจากเนื้อดินลงไปสู่ที่ต่ำกว่าเช่นห้วย
หนอง คลอง บึง ทุ่งราบ และท้ายสุดก็จะลงแม่น้ำไปจนหมดสิ้น
จากกระบวนการทางธรรมชาติอันนี้ทำให้ทราบได้ว่าดินที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ของภาคนั้น
จะไปรวมอยู่ในที่ต่ำ ที่ลุ่ม
มากกว่าดินที่อยู่บนที่ดอนและเนื่องจากดินทรายง่ายต่อการถูกชะล้างธาตุอาหารในดิน ทำให้ต้องสูญเสียธาตุอาหารไปอย่างรวดเร็ว
ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งต้นเหตุส่วนหนึ่งแห่งความแห้งแล้งและความยากจน
3.โครงงานคอมพิวเตอร์
หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนเองสนใจ
โดยจะต้องวางแผนการดำเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทำโครงงาน
ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว
นักเรียนสามารถทำโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล
การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา
ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา
ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์
เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
3.1 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก
ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งในลักษณะของเนื้อหา
กิจกรรม และลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้
5 ประเภท คือ
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
(Educational Media)
2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
(Tools Development)
3. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี
(Theory Experiment)
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
(Application)
5. โครงงานพัฒนาเกม
(Game Development)
1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
(Educational Media)
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา
โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน
และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้
ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ
Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์
วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทำความเข้าใจยาก
มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะจักรวาล
โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร้างงานประยุกต์ต่าง
ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป
ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวลผลภาษา
ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้งานในงานพิมพ์ต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นไปได้โดยง่าย
ซึ่งรูปที่ได้สามารถนำไปใช้งานต่าง ๆ ได้มากมาย สำหรับซอฟต์แวร์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง
ๆ ใช้สำหรับช่วยในการออกแบบสิ่งของต่าง ๆ เช่น โปรแกรมประเภท 3D
3. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี (Theory
Experiment)
เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจำลองการทดลองของสาขาต่าง
ๆ เป็นโครงงานที่ผู้ทำต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคิดต่าง
ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจำลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ
สูตร หรือคำอธิบายก็ได้ พร้อมทั้งนำเสนอวิธีการจำลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์ การทำโครงงานประเภทนี้มีจุดสำคัญอยู่ที่ผู้ทำต้องมีความรู้เรื่องนั้น
ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การทดลองเรื่องการไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า
ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เป็นต้น
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน(Application)
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน(Application)
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
เช่น ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและตกแต่งอาคาร ซอฟต์แวร์สำหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์สำหรับการระบุคนร้าย
เป็นต้น โครงงานงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง
ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้
โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ
และพัฒนาสิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทำงานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์
โครงงานประเภทนี้นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธีทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย
5.
โครงงานพัฒนาเกม (Game
Development)
เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้
และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมหมากฮอส เกมการคำนวณเลข ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ไม่รุนแรง
เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น
เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง
ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้ป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง
ๆ
วิธีการดำเนินการ
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ตัวแปรต้น ชนิดของดิน
ตัวแปรตาม
การเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร
ตัวแปรควบคุม ปริมาณดิน ปริมาณน้ำ
ชนิดของต้นกระบองเพชร อายุ ปริมาณแสง เวลา
ระยะเวลาการดำเนินการ
วัน/เดือน/ปี
|
กิจกรรม
|
ผู้รับผิดชอบ
|
4 สิงหาคม 2560
|
กำหนดหัวข้อที่จะศึกษา
|
คณะผู้จัดทำ
|
4-9 สิงหาคม 2560
|
ศึกษาค้นคว้าข้อมูล
|
คณะผู้จัดทำ
|
10-15 สิงหาคม 2560
|
วางแผนการปฏิบัติงาน
|
คณะผู้จัดทำ
|
16 สิงหาคม – 19 กันยายน 2560
|
ศึกษาการปลูกและติดตามผลการเจริญเติบโต
|
คณะผู้จัดทำ
|
20 กันยายน 2560
|
นำเสนอ
|
คณะผู้จัดทำ
|
วิธีดำเนินงานโครงงาน
การเลือกต้น
คัดเลือกต้นกระบองเพชรที่นำมาปลูกจากสายพันธ์แมมหนามตะขอ อายุ 1 ปีครึ่ง
และขนาด 3-4 ซม.
การเตรียมดิน
เตรียมดินในบริเวณที่เราต้องการนำมาปลูก
โดยเป็นดินจากบริเวณหนองน้ำ ทุ่งนา และบริเวณสวนในบ้านหนองคูพัฒนา หมู่ที่ 13 ต.หนองไผ่ล้อม
อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ที่มีเนื้อดินเป็นเนื้อหยาบ ละเอียด สีน้ำตาลปนแดง
การปลูก
1.เตรียมดินในหนองน้ำ ในทุ่งนา
และดินบริเวณสวนในบ้านหนองคูพัฒนา หมู่ที่ 13 ต.หนองไผ่ล้อม
อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ใส่กระถางขนาด 200 ml จำนวน 3 ใบ
โดย
ใบที่ 1 ใส่ดินบริเวณหนองน้ำ
ใบที่ 2 ใส่ดินบริเวณทุ่งนา
ใบที่ 3 ใส่ดินบริเวณสวนในบ้าน
และ ใบที่ 4 ใส่ดินร่วนปนทรายต้นแบบจากร้าน
2.จากนั้นนำต้นกระบองเพชรลงไปปลูกในกระถางทั้ง 4 ใบของแต่ละชุด และรด
น้ำในปริมาณ 20 ml ต่อกระถาง
3.หลังจากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์
และสังเกตพร้อมบันทึกผล และรดน้ำ
วิธีการเก็บข้อมูล
ใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพและตารางในการเก็บข้อมูล โดยการถ่ายภาพต้นกระบองเพชร
และใช้นำมาเปรียบเทียบการเจริญเติบโตในแต่ละสัปดาห์ และบันทึกผลลงตาราง
ผลการทดลอง
ในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรระหว่างดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนากับดินที่ใช้ปลูกต้นกระบองเพชรทั่วไป
โดยกำหนดตัวแปรดังนี้ ชนิดของดินในท้องถิ่นเป็นตัวแปรต้น
และการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรเป็นตัวแปรตาม คณะผู้จัดทำได้ปลูกต้นกระบองเพชรด้วยดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา
จากบริเวณหนองน้ำ ทุ่งนา สวนในบ้าน และดินที่ใช้เพาะปลูกทั่วไป
โดยนำต้นกระบองเพชรลงปลูกในดินทั้ง 4
ชนิดแล้วตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดที่เหมาะสม
และสังเกตการณ์เจริญเติบโตพร้อมรดน้ำ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง
รวมเป็นระยะเวลา 1 เดือน 3 สัปดาห์
สังเกตและบันทึกผลการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร โดยดูจากลักษณะของหนาม
และลักษณะของราก ตามชนิดของดินที่นำมาเพาะปลูก ซึ่งผลการทดลองมีดังนี้
ชนิดของดินที่
ใช้ปลูก
|
ลักษณะของต้นกระบองเพชร
|
สรุป
|
||
ลักษณะหนาม
|
ลักษณะราก
|
เจริญเติบโต
|
ไม่เจริญเติบโต
|
|
ดินบริเวณหนองน้ำ
(ใบที่ 1)
|
หนามสั้นลงและตรง
ไม่มีลักษณะเป็นตะขอโค้งงอ
|
รากมีลักษณะที่สั้นลงมาก เหี่ยวเฉา
|
√
|
|
ดินบริเวณทุ่งนา
(ใบที่ 2)
|
หนามสั้นลงและตรง
ไม่มีลักษณะเป็นตะขอโค้งงอ
|
รากมีลักษณะที่สั้นลงมาก เหี่ยวเฉา
|
√
|
|
ดินบริเวณสวนในบ้าน
(ใบที่ 3)
|
หนามยาวขึ้นจากเดิม มีลักษณะเป็นตะขอโค้งงอ
|
รากมีลักษณะที่ยาวขึ้น ไม่เหี่ยวเฉา
|
√
|
|
ดินที่ใช้เพาะปลูกทั่วไป (ใบที่ 4)
|
หนามยาวขึ้นจากเดิม มีลักษณะเป็นตะขอโค้งงอ
|
รากมีลักษณะที่ยาวขึ้น ไม่เหี่ยวเฉา
|
√
|
ผลการศึกษา
จากตารางที่
2 พบว่า ต้นกระบองเพชรใบที่ 1 และใบที่ 2 ที่ปลูกในดินบริเวณหนองน้ำและทุ่งนาตามลำดับ
ไม่มีการเจริญเติบโตโดยดูจากลักษณะหนามที่ไม่มีตะขอหนามโค้งงอ
มีหนามที่สั้นลงจากเดิม รากของต้นที่สั้นมากกว่าเดิมและเหี่ยวเฉา
เนื่องจากสาเหตุคือ ดินไม่อุ้มน้ำเมื่อทิ้งไว้นานความชื้นจะหาย
เนื้อดินหยาบและแข็งมาก ส่วนต้นกระบองเพชรใบที่ 3 และ ใบที่ 4
ที่ปลูกในดินบริเวณสวนในบ้านและดินที่ใช้เพาะปลูกทั่วไปตามลำดับ
มีการเจริญเติบโตโดยดูจากลักษณะหนามที่มีตะขอหนามโค้งงอเพิ่มขึ้นจากเดิม
หนามที่ยาวขึ้น รากของต้นยาวและไม่เหี่ยวเฉากว่าใบที่ 1 และใบที่
2
สรุป/อภิปรายผลการทดลอง และข้อเสนอแนะ
ในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์เชิงทดลองครั้งนี้
เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรระหว่างดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนากับดินที่ใช้ปลูกต้นกระบองเพชรทั่วไป
โดยกำหนดตัวแปรอิสระ 1ตัวแปร ได้แก่ ชนิดของดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา
และมีตัวแปรตาม 1 ตัว ได้แก่ การเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร
คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการตามขั้นตอนๆ สรุปได้ดังนี้
1.กำหนดหัวข้อที่จะศึกษา
โดยปรึกษาสมาชิกในกลุ่ม คัดเลือกหัวข้อที่สนใจตามมติ
2.ศึกษาค้นคว้าข้อมูล
โดยสมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ สายพันธุ์และลักษณะต่างๆ
ของต้นกระบองเพชร การเพาะปลูกและการดูแลต้นกระบองเพชร
จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆและอินเทอร์เน็ต
3.วางแผนการปฏิบัติงาน
โดยการประชุมกำหนดแผนงาน กำหนดระยะเวลา จัดเตรียมการทดลอง
จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการทดลอง
4.การปลูกและติดตามผลการเจริญเติบโต
โดยปลูกต้นกระบองเพชรด้วยดินในท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา จากบริเวณหนองน้ำ ทุ่งนา
สวนในบ้าน และดินที่ใช้เพาะปลูกทั่วไป โดยนำต้นกระบองเพชรลงปลูกในดินทั้ง 4
ชนิดแล้วตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดที่เหมาะสม และสังเกตการณ์เจริญเติบโตพร้อมรดน้ำ
2 สัปดาห์ต่อครั้ง รวมเป็นระยะเวลา 1 เดือน
3 สัปดาห์ สังเกตและบันทึกผลการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชร
โดยดูจากลักษณะของหนาม และลักษณะของราก ตามชนิดของดินที่นำมาเพาะปลูก
5.นำเสนอผลงาน
โดยการนำผลการทดลอง และสรุปผลของการทดลองทั้งหมดที่สอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับสมมติฐานมานำเสนอ
เพื่อให้เกิดข้อเสนอแนะหรือแนวทางการพัฒนาการทดลองต่อไป
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบการทดลองครั้งนี้ ประกอบด้วย
อุปกรณ์ถ่ายภาพและตารางในการเก็บข้อมูล โดยการถ่ายภาพต้นกระบองเพชร
และใช้นำมาเปรียบเทียบการเจริญเติบโตในแต่ละสัปดาห์ และบันทึกผลลงตาราง
สรุปและอภิปรายผลการทดลอง
จากผลการทดลองสรุปได้ว่า
ผลการทดลองสอดคล้องกับสมมติฐานคือ
เมื่อเราสังเกตการเจริญเติบโตจากดินทั้งสองประเภทคือ ดินต้นแบบกับดินในท้องถิ่น
มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งดินต้นแบบมีการเจริญเติบโตของรากและการเจริญเติบโตของหนามตะขอซึ่งมีลักษณะโค้งงอคล้ายตะขอซึ่งเปรียบเทียบกับต้นกระบองเพชรที่ปลูกด้วยดินในท้องถิ่นก็สามารถเจริญเติบโตได้ดีต้นกระบองเพชรสามารถเพาะปลูกในดินชนิดอื่นๆ
นอกเหนือจากดินทรายได้ ถึงแม้ดินที่นำมาศึกษานั้นคือ ดินในท้องถิ่น เป็นดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่มาก
และธาตุอาหารในดินน้อย แต่ดินมีการอุ้มนำและรักษาความชื้นของดินอย่างเหมาะสม ทำให้ต้นกระบองเพชรเจริญเติบโตได้ดีในดินบริเวณท้องถิ่นบ้านหนองคูพัฒนา
ซึ่งดินที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรมากที่สุดคือ
ดินจากบริเวณสวนในบ้าน ที่มีลักษณะเนื้อดินนุ่ม ละเอียด รักษาความชื้น
และดินอุ้มน้ำ อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรคือ
การดูแลรักษา ที่แสงต้องเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
ปริมาณน้ำที่รดต้องเหมาะสมตามความลักษณะและชนิดของพืช
ดินที่ใช้ในการปลูกต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกับพืช มีความชื้นอย่างเหมาะสม
และดูแลต้นกระบองเพชรไม่ให้เหี่ยวเฉาและตาย
ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้เป็นส่วนให้ต้นกระบองเพชรสามารถเจริญเติบโตได้ในทุกพื้นที่อีกด้วย
ข้อเสนอแนะ
-
ควรเลือกใช้ต้นกระบองเพชรที่สามารถแตกหน่อหรือออกดอกได้
เพื่อง่ายต่อการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโต
-
สามารถลองเปลี่ยนเป็นพืชชนิดอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายต้นกระบองเพชร
เอกสารอ้างอิง
ไทยรัฐ.
2558. กระบองเพชร
5 สายพันธุ์ ที่สาวๆ หลงรักจนหัวปักหัวปำ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4
สิงหาคม 2560.
http://www.thairath.co.th/content/506726
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. (ไม่ระบุปีที่เขียน). ลักษณะภูมิประเทศ.
สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2560.
http://localsurin.srru.ac.th/read/menu/150.html
เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย. 2558.
กระบองเพชร/แคคตัส(Cactus)ประโยชน์และการปลูก
กระบองเพชร. สืบค้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2560. http://puechkaset.com.
ศรัตน์ เสริมประภาศิลป์. 2557. เครื่องประดับแรงบันดาลใจ
จากกระบองเพชร พันธ์ไม้แห่งความ
แข็งแกร่ง. สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2560.
http://www.thapra.lib.su.ac.th/object/thesis/fulltext/bachelor/d62557016/fulltext.pdf.
Sugrita Suraphinit. 2556. การเลี้ยงกระบองเพชร {cactus}. สืบค้นเมื่อ 6 กันยายน 2560.
http://sugritacactus.blogspot.com/
The Best Online Casinos in the USA – The Best Live Dealer
ตอบลบThe Best Online Casinos in the USA – The Best Live Dealer Games · 1. Red Dog – CasinoSlotsMillion · 2. ラッキーニッキー InterTops 메리트카지노 – Mobile Casino · 카지노사이트 3. Microgaming – Table